วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

ตามไปดู "อมรา พงศาพิชญ์" กับ ปัญหาชายแดนใต้ !

ตามไปดู "อมรา พงศาพิชญ์" กับ ปัญหาชายแดนใต้ !

วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 23:35:55 น.


เมื่อวันอังคารที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๖ ณ วัดพรหมนิวาส อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส มีกลุ่มชาวไทยในพื้นที่ ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่นับถือศาสนาพุทธ  จำนวนกว่า ๓๐๐ คน เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ศ.ดร.อมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์  กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  นางอังคณา นีละไพจิตร นางจิราพร บุนนาค และนางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ   อนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่

               

คำร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ของแต่ละคน หรือแต่ละกลุ่มมีความหลากหลายในประเด็นการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือถูกเลือกปฏิบัติ  จากเอกสารร้องเรียนและข้อเสนอของประชาชนจำแนกประเด็นของการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนและต้องการให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตรวจสอบ ได้แก่
               

๑. ปัญหาการแก้ไขเยียวยาของครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือผู้พิการจากเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่แจ้งว่า การจ่ายเงินค่าเยียวยามีความล่าช้ามาก ค่าเยียวยามีความเหลื่อมล้ำ และบางรายเมื่อย้ายออกจากพื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปแล้ว ก็จะไม่ได้รับการดูแล
               


๒. ปัญหาความปลอดภัยในชีวิต ประชาชนในพื้นที่ยังต้องประสบกับความยากลำบากในการเดินทาง และถูกข่มขู่จากผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่กดดันให้อพยพออกจากพื้นที่  ส่งผลต่อการประกอบอาชีพ บางชุมชนร้าง ไม่มีผู้อยู่อาศัย
               

๓. ปัญหาค่าตอบแทนที่เป็นค่าเสี่ยงภัยของเจ้าหน้าที่ยังไม่มีมาตรการจำแนกกลุ่ม  เจ้าหน้าที่ผู้เสี่ยงภัยรุนแรงและกลุ่มทั่วๆไป
               

๔. ปัญหาเรื่องเด็กกำพร้าและหญิงหม้ายที่ขาดการดูแลอย่างทั่วถึงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ทำให้ไม่ได้รับการช่วยเหลือ เยียวยา อย่างแท้จริง เช่น ด้านการศึกษาและการประกอบอาชีพ
               

๕. ปัญหาเรื่องจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่รัฐและหน่วยงานภาครัฐยังไม่ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหา

              


ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงรายหนึ่งแจ้งต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่า  ตนเองและครอบครัวอยู่ในพื้นที่โดนข่มขู่จากผู้ก่อความไม่สงบ  โดยกลุ่มดังกล่าวแสดงท่าที่เข้ามาจะจับจองที่ดินทำกินซึ่งเป็นสวนยางพารา  และพักอาศัย  และพยายามกดดันให้ออกจากพื้นที่  ขณะนี้เดือดร้อนมาก ต้องการความปลอดภัยในชีวิต  ทรัพย์สิน  และที่ดินทำกิน  รวมถึงการเดินทางไปนอกพื้นที่ก็ไม่ปลอดภัย  ถ้าหากประชาชนในพื้นที่ถูกข่มขู่กดดันจนอยู่ไม่ได้แล้ว ใครจะมาอยู่  หมู่บ้านบางหมู่บ้านมีประชาชนย้ายออกไปบ้างแล้วจนจะเป็นหมู่บ้านร้าง

          


นายไพบูลย์  วราหะไพฑูรย์  กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แจ้งต่อประชาชนที่มาร้องเรียนว่า  ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  สิทธิ  เสรีภาพ  และความเสมอภาครัฐต้องจัดให้ประชาชน  โดยไม่เลือกปฏิบัติ  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ  อิสระไม่ขึ้นต่อรัฐบาล  มีหน้าที่ส่งเสริม  ปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน  มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบการกระทำของหน่วยงานภาครัฐที่ปฏิบัติหรือกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน  พร้อมทั้งเสนอแนวทางแก้ไขให้รัฐดำเนินการให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน  ข้อคิดเห็นและคำร้องเรียนของประชาชนในวันนี้ร้อย ๆ คำร้อง  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะเร่งดำเนินการพิจารณาจัดหมวดหมู่ประเด็นคำร้องว่าถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านใด แล้วจะทำงานตรวจสอบเพื่อคุ้มครองสิทธิโดยด่วน
          

ศ. ดร.อมรา  พงศาพิชญ์  ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  กล่าวสรุปสุดท้ายว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเห็นความสำคัญของการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง  เพื่อให้พี่น้องได้รับการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน  และอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข  เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน  และเพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีอนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในพื้นที่ภาคใต้  และแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นกลไกการทำงานในพื้นที่ประชาชนสามารถใช้เป็นช่องทางในการร้องเรียนเพื่อคุ้มครองสิทธิได้โดยตรง  และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะเร่งดำเนินการติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอทราบความคืบหน้าในการดูแลพี่น้องประชาชนตามอำนาจหน้าที่ 


 รวมทั้ง การปรับแนวทางการดำเนินการในการดูแลประชาชน  จากการที่รัฐบาลได้เปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมมาตรการการให้ความช่วยเหลือ  เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง  เนื่องจากผู้ได้รับผลกระทบหลายรายไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการความช่วยเหลือของรัฐที่เพิ่มขึ้นทำให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือตามสิทธิประโยชน์ที่พึงได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น